วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

Sword of the Stranger

ถ้ากำลังมองหาอนิเมทเกี่ยวกับซามูไรซักเรื่องนึง Sword of the Stranger ก็คงเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น....
Sword of the Stranger เป็นอนิเมทซามูไรฟันดาบแนวคลาสสิคๆ  เรียกได้ว่าบรรยากาศ โครงเรื่องและดนตรีประกอบฉาก ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมาก





Sword of the Stranger เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยคนนึง Kotaro ที่พยายามหนีจากการตามล่า 
เรื่องเกินขึ้นในสมัยยุค เซ็นโกคุ ชายผู้ถูกเรียกว่า นานาชิ (ไร้นาม)ซามูไรที่มีฝีมือดาบที่ร้ายกาจ ได้ช่วยชีวิตเด็กน้อยโคทาโร่ กับสุนัขโทบิมารุ ไว้ โคทาโร่ ที่ไม่มีทั้งครอบครัว และถูกกลุ่มคนต่างถิ่นจากประเทศจีนไล่ตาม จึงได้จ้าง นานาชิ ให้คุ้มกันตัวเอง และท่ามกลางคนต่างถิ่นที่ไล่ลา โคทาโร่ นั้น มีช่ายผู้หนึ่งนามว่า ราโช ซึ่งเป็นนักรบที่เก่งกาจ มีผมสีทอง และ มีตาสีฟ้า เขายอมทำตามคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อว่า เบียคุรัน เมื่อ โชคชะตาฟ้าลิขิตให้ นานาชิ และ ราโช ต้องมาเผชิญหน้ากัน ?วิถีแห่งดาบที่ฟาดฟันดั่งฟายุ? จึงถือกำเนิดเกิดขึ้น ผลงานจาก BONES สตูดิโอแถวหน้าของวงการอนิเมะญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเป็นสตูดิโอดังแล้วตอนนี้ไม่ว่าจะขยับไปทำเรื่องอะไรแล้วก็ มี คนให้ความสนใจตลอด ล่าสุดสตูดิโอ BONES ผู้สร้างอนิเมชั่นอย่างFullmetal Alchemist,Scraped Princess, Eureka Seven Ohran High School Host Club ได้ มีผลงานจอเงินเรื่องใหม่ ซึ่งเป็นผลงานที่แหวกแนวไปจากเดิม โดยการจับมุมมองของนักดาบ ซามูไร มาเป็นประเด็น Stranger ฉายในช่วงเดือนกัยยายนปี 2007 ทีผ่านมา โดย BONES ไม่ค่อยมีการควบรับทำหลายงานเท่าไหร่ มักจะทำให้เสร็จเป็นเรื่องๆ ไป เพราะว่าอาจจะทำให้งานไม่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของสตูดิโอนี้เลย ต้อง ลองพิสูจน์เองครับว่า BONES ที่ทำแต่อนิเมะแนวแฟนตาซีไซไฟแถบจะตลอด จะทำให้ Stranger อนิมเมะแนวจิตวิญญาณแห่งคมดาบเรื่องนี้ได้สุดยอดแค่ไหน นอก จากนี้ยังเป็นภาพยนต์อนิเมะที่ทำได้สุดยอดเรื่องนึงเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากต่อสู้ แจ่มทุกชอต เรียกได้ว่าเข้าขั้นเทพ ไม่เสียชื่อสตูดิโอ BONES เลยจริง ในอนิเมะเรื่องนี้มีทั้ง ฉากสู้รบอันหน้าตื่นเต้น มิตรถาพ ความโลภ ซึ่งสามารถถ่ายทอดทุกอารมณ์ได้อย่างลงตัว และเนื่อจาก RAW ที่ใช่ของเรื่องนี้มาจาก DVD มีเสียง 5.1 ใครที่ต่อลำโฟง 5.1 ละก็เสียงนี่เยียมมาก แถมที่เวป Anidb เรื่องนี้ยังได้เรทติ้งถึง 8.64 ถือว่าไม่ธธรมดาเลย ต้องบอกไว้เลยนะครับ ถ้าใครมองข้ามภาพยนต์อนิเมะเรื่องนี้ละก็ น่าเสียดายจริงๆ


แนะนำตัวละคร






นานาชิ (ไร้นาม) สุดยอดฝีมือดาบผู้ไม่เคยชักดาบออกจากฝัก เพราะมีอดีตจากสงครามที่คอยสร้างแบดแผลในใจเขาเสอมและต่อมาได้พบกับเด็กน้อยกับสุนัข ทำให้เข้าต้องหันกลับมาจับดาบเพื่อปกป้องอีกครั้ง






โคทาโร่ เด็กน้อยธรรมดาทั่วไป แต่เพราะความโลบของมนุษย์ จึงทำให้เขาถูกตามล่า แต่โชคยังดีที่ได้ที่เขาได้มาเจอกับ นานาชิ ซึ่งทำให้ชะตาของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไป



ราโช ชายผู้เดินทางมาจากประเทศจีน ข้ามน้ำข้ามทเลเพื่อมาไล่ลาเด็กน้อยที่ นานาชิ คุ้มครอง แท้จริงแล้วจุดประสงค์ขอเขาใช่แค่ตามล่าเด็กเท่านั้นแต่เพื่อถวิลหาคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจทัดเทียมกับเขาในญี่ปุ่นต่างหาก


เครดิต  

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

Arrietty อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว

อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว


          Arrietty จากสตูดิโอ จิบลิ คว้ารางวัล อนิเมชั่นยอดเยี่ยม เตรียมขึ้นจอใหญ่ 23 มิถุนายนนี้

          จาก Ponyo on the Cliff (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) ที่สร้างความประทับใจมาแล้ว มาปีนี้ผลงานอนิเมชั่นเรื่องใหม่แฟนตาซีล่าสุดจากสตูดิโอ จิบลิ ผู้สร้างสรรค์อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมมาแล้วมากมาย Arrietty หรือ อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว สร้างความมหัศจรรย์ด้วยการเป็นอนิเมชั่นที่ทำเงินสูงสุดประจำปี 2010 ที่ญี่ปุ่น ด้วยตัวเลขสูงถึง 9.25 พันล้านเยน ได้รับรางวัล Tokyo Anime Award ครั้ง 10 ไปครองถึง 5 รางวัลด้วยกัน 
ได้แก่ อนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปี, ภาพยนตร์อนิเมชั่นในประเทศยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม ฮิโรมาซะ โยเนบายาชิ, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และ ประพันธ์เพลงยอดเยี่ยม พร้อมกับงาน Japan Academy Prizes ครั้งที่ 34 ก็สามารถคว้ารางวัล Animation ยอดเยี่ยมแห่งปี ไปครองได้สำเร็จอีกครั้ง 









          เรื่องราวของคนตัวจิ๋วอย่าง อาริเอตี้ เด็กสาววัย 14 ปี อยู่กันเป็นครอบครัวกับพ่อและแม่ ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในสวนมหัศจรรย์ย่านชานเมืองโตเกียว ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นที่พักอาศัยของหญิงชราสองคน อาริเอตี้ และครอบครัวดำรงชีวิตด้วยการ "ขอยืม" ทุกอย่างที่พวกเขามี คือสิ่งที่พวกเขาขอยืมหรือสร้างขึ้นจากสิ่งที่ขอยืมมาทั้งนั้น ตอนที่หญิงชราจะได้ไม่ทันสังเกต เมื่อ โช เด็กชายวัย 12 ปี ย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ระหว่างที่เขารอรับการรักษาตัว พ่อแม่ของอาริเอตี้ เตือนเธออยู่บ่อย ๆ ว่า "อย่าให้มนุษย์เห็น" เพราะเมื่อถูกเห็นเข้า มนุษย์ตัวเล็กก็จะต้องย้ายที่อยู่ และโชก็เห็นเธอเข้าจนได้ ทั้งคู่เริ่มพูดคุยทำความเข้าใจกัน และไม่นานนัก มิตรภาพระหว่างทั้งสองก็เริ่มผลิบาน...


         










ความบันเทิงที่ไม่เล็ก

การผจญภัยเล็กๆ ของอาริเอ็ตตี้กลับดูสนุก นี่เป็นเพราะฝีมือการเขียนบทที่ค่อยๆ นำผู้ชมไปสู่โลกเล็กๆ ของอาริเอ็ตตี้ทีละน้อย และแทรกปัญหา การผจญภัย ไคลแมกซ์ มาทีละเปลาะ
และในระหว่างนั้น ผู้สร้างภาพยนตร์ก็สอดแทรกด้วยความละมุนละไมเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกวิญญาณความเป็นเด็กของผู้ชมกลับมาทีละนิด เราจะได้เห็นวิถีชีวิตในฐานะ “คนตัวเล็ก” ของอาริเอ็ตตี้ที่ต่างไปจากมนุษย์ เช่น การใช้เข็มหมุดเป็นดาบ การชงชาที่ใช้น้ำเพียงหยดเดียว เทคนิคการปีนป่ายของคนจิ๋วที่ใช้เพียง “เทปกาว” ของมนุษย์พันแขนขาเอาไว้
ส่วนงานภาพของ Arrietty กลับมาใช้สไตล์ภาพวาดทิวทัศน์ด้วยมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Ghibli อีกครั้ง (หลังจากที่ Ponyo หันไปใช้ภาพแบบการ์ตูนลายเส้นที่ต่างออกไปพอสมควร) ผู้ชมจะได้ตื่นตะลึงกับทุ่งดอกไม้อันงดงามข้างบ้านของโช เถาไม้เลื้อยบนหลังคาบ้าน งานภาพของ Ghibli ลงละเอียดจนถึงแมลงเต่าทองที่เกาะบนยอดหญ้า เม็ดฝนที่โปรยปราย และลวดลายวิจิตรบนอุปกรณ์ตกแต่งใน “บ้านคนจิ๋ว” พื้นที่สำคัญภายในเรื่อง เรียกได้ว่าแฟนพันธุ์แท้ของ Ghibli ไม่มีทางผิดหวังกับงานภาพในเรื่องนี้



credit
http://movie.kapook.com/view27150.html
http://www.siamintelligence.com/the-borrower-arrietty/



Summer Wars สุดยอด Anime ที่ไม่ควรพลาดแห่งปี 2010

Mamoru Hosodaจากผลงานความร่วมมือร่วมใจของ Mamoru Hosoda, Satoko Okudera และ Yoshiyuki Sadamotoวันนี้ พวกเขากลับมาสร้างผลงานให้โลกตราตรึง อีกครั้ง ใน "Summer Wars"









Director: Hosoda Mamoru ("The Girl Who Leapt Through Time")
Screenplay: Okudera Satoko ("The Girl Who Leapt Through Time,"Miyori no Mori (special)")
Character Designer: Sadamoto Yoshiyuki("Neon Genesis Evangelion", "Hack//SIGN"," Gunbuster 2")
Art Director: Takeshige Youji ("Patlabor: The Movie")
Animation Production: MADHOUSE 




Story:
        เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นขึ้นเมื่อ หนุ่มน้อย "โคอิโซ เคนจิ" (Koiso Keji) ตกลงรับการว่าจ้างเพื่อทำงานพิเศษในวันหยุดฤดูร้อน จากรุ่นพี่สาวสวยที่สุดในโรงเรียน "ชิโนฮาระ นัทสึกิ" (Shinohara Natsuki) โดยรู้รายละเอียดเบื้องต้นของงานเพียงว่า ต้องออกเดินทางไปกับรุ่นพี่สาวด้วยกันสองคนเท่านั้น พอเอาเข้าจริง งานที่ได้คือการรับบทแสดงเป็นแฟนของรุ่นพี่สาว ในงานวันเกิดครบรอบ 90 ปีของของคุณย่าทวดของเธอ ซึ่งคุณย่าเธอ "จินโนจิ ซาคาเอะ" (Jinno-chi Sakae) ปัจจุบันเป็นผู้นำตระกูลจินโนจิ ซึ่งเป็นตระกูลนักรบเก่าในเขตพื้นที่ อุเอดะ และนากาโนะ และเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในวงการเมืองและการเงินของญี่ปุ่นอย่างมาก (พูดง่าย ๆ นัทสึกิจัง ก็ "คุณหนู" ดี ๆ นี่เอง)
       เหตุการณ์ดูเหมือนจะไปได้สวย ถ้าพ่อพระเอกของเราไม่ไปตอบMailประหลาดจากมือถือ ที่เขาคิดว่าเป็นแค่เกมทางคณิตศาสตร์ แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ code ในการเจาะรหัส ระบบ Computer ของ OZ ซึ่งเป็นระบบ Computer ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ควบคุม ตั้งแต่การดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล สุขภาพ การเงิน ฯลฯ ไปจนถึง ระบบควบคุมขีปนาวุธของกองทัพสหรัฐ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ เคนจิ ตกเป็น อาชญากร Internet ในการ Hack ระบบ OZ และทำให้ A.I. ที่ชื่อว่า "Love Machine" ใช้รหัส ID ของ เคนจิ เข้าไปแทรกซึมควบคุม และ สร้างความปั่นป่วน ในระบบ Computer ของ OZ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายไปทั้งโลกเลยทีเดียว รวมไปถึง เรื่องที่หนุ่มน้อยกับรุ่นพี่สาวแอบรวมหัวกันแหกตาชาวบ้านก็พลอยแตกกลายเป็น drama ไปพร้อมกันด้วยเลย

       ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิด คุณย่าทวดของนัทสึกิ ได้ใช้ความสามารถของเธอ รวมถึง Connection ต่าง ๆ ที่เธอมี ในการหยุดยั้งและควบคุม การทำลายและสร้างความเสียหาย ของ A.I.Love Machine และ เคนจิ ก็สามารถหาทางกู้ระบบกลับมาให้ทำงานได้ในระดับหนึ่ง ในระหว่างที่ทุกคนกำลังหาวิธีจัดการ กับ A.I.Love Machine อยู่นั้น ความจริงที่น่าตกใจได้ปรากฏขึ้นเมื่อคนที่ออกแบบ A.I.Love Machine นั้น กลับเป็น "จินโนจิ วาบิสุเกะ" (Jinno-chi Wabisuke) ลูกนอกสมรสของคุณปู่ทวดของนัทสึกิ และเป็นเด็กที่คุณย่าทวดรักมาก เหตุการณ์นี้ทำให้คุณย่าทวดโกรธมากจนถึงขนาดจะฟันกันให้ตายกันไปข้างเลยทีเดียว 
 
       ในขณะที่บ้านจินโนจิกำลังวุ่นวายกับปัญหาภายใน A.I.Love Machine ได้ตอบโต้ โดยการตัดการส่งสัญญาณระหว่างเครื่องวัดสุขภาพของคุณย่าทวด กับ หมอที่ดูแลสุขภาพคุณย่าทวดอยู่ (ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นลูกเขยในบ้านน่ะแหละ) ผลก็คือ คุณย่าทวดของนัทสึกิ เสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในคืนเดียวกันนั้นเอง เมื่อขาดเสาหลัก เหตุการณ์ที่วุ่นวายอยู่แล้ว ก็ยิ่งวุ่นวายหนักเข้าไปอีก ขณะเดียวกัน A.I.Love Machine ก็ได้พัฒนาตัวเองจนควบคุมระบบส่วนใหญ่ได้และมีความสามารถพอที่จะควบคุมโลกนี้ได้ทั้งใบ ตระกูลจินโนจิ จะทำอย่างไร กับเหตุการณ์นี้ สงครามแห่งคิมหันตฤดู ระหว่าง มนุษย์ กับ A.I. ที่มีชีวิตของมวลมนุษยชาติเป็นเดิมพัน ได้ประทุขึ้นแล้ว 

โค่ย โค่ย!!!


เครดิต  http://www.pocketonline.net/board/view.php?id=28700



โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย (Ponyo on the Cliff) รางวัล ภาพยนตร์การ์ตูน ยอดเยี่ยมแห่งปี 2009

เป็นภาพยนตร์ การ์ตูน Anime เรื่องใหม่ล่าสุดของสุดยอด ผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ ภายใต้การผลิตของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ค่ายผลิตภาพยนตร์การ์ตูนคุณภาพของโลก ในประเทศญี่ปุ่น มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนญี่ปุ่นในยุคราว ค.ศ.1956เปิดตัวครั้งแรก ในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 และครั้งแรก วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2009 ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา









Ponyo on the Cliff by the Sea โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย ในปี 2009 โปเนียว ชนะเลิศ ห้ารางวัล จากงานมอบรางวัล Tokyo Anime Awards ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้รับรางวัล Japan Academy Prize for Animation of the Year (รางวัล Anime of The Year 2009) และยังได้รับการ กล่าวถึงเป็นพิเศษ ในงานเทศกาลภาพยนต์ Venice International Future Film ในด้าน ศิลปะภาพ คุณภาพงาน Anime ที่มี ความงดงามเหนือจินตนาการ
เนื้อเรื่อง : โซสุเกะเด็กชายวัย 5 ขวบอาศัยอยู่บ้านอยู่บนหน้าผาริมทะเล ได้พบลูกปลาทองตัวน้อย ทีหัวติดอยู่ในขวบแยม โซสุเกะจึงช้วยดึงเธอออกมา โปเนียวจึงรอดตายอย่างหวุดหวิดและเธอก็ชอบ โซสุเกะมาก และโซสุเกะก็ชอบเธอเหมือนกัน แต่แล้ว ฟุจิโมโตะ พ่อของโปเนียวก็มาพาเธอกลับลงทะเล
ถึงแม้ว่าจะถูกนำตัวกลับมาบ้าน แต่โปเนียวก็อยากกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพื่อพบกับโซสุเกะ จึงได้ไปแอบขโมยเวทย์มนตร์ ของพ่อของเธอมา เพื่อใช้กลับไปยังโลกมนุษย์ แต่สิ่งที่เธอทำลงไปกลับทำให้ ทั่วท้องทะเลปั่นป่วน ซ้ำร้ายยังเดือดร้อนมาถึงเมืองที โซสุเกะอาศัยอยู่ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ระหว่างเด็กชายและเด็กหญิง…

โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย ใครที่ติดตามผลงานของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) คิดว่าเรื่องนี้ก็คงไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน ผลงานของจิบลิอย่าง เรื่อง Spirited Away, สุสานหิ่งห้อย ทำให้หลายๆคนประทับใจในเนื้อหามาแล้ว  อีกเช่นกัน เรื่องนี้หลายคนก็จะพบความน่ารักสดใสของโปเนียว ความสัมพันธ์ และมิตรภาพของวัยเด็ก การเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง 
คิดว่าหลายคนคงจัดให้เรื่องนี้เป็นอนิเมทชั่นที่ดีไม่แพ้ทางฝั่งยุโรปแน่นอน!!!!


Credit - http://movie.mthai.com/movie-review/45491.html

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ย้อนรอย (สถาปัตย์)วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544

world trade center


เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 หรือ 9/11/2001 สูญเสียผู้คนไปมากมายก็จริง ในวันนั้นก็ผ่านมาถึง 10 ปีแล้ว  เหตุการณ์วันนั้นใครถูกใครผิดใครเป็นผู้ก่อ ใครได้ผลประโยชน์อันนี้ไม่ขอพูดถึงนะครับ!!






เวิร์ลดเทรดเซ็นเตอร์ ( World Trade Center) เป็นกลุ่มอาคารจำนวน 7 อาคารในนครนิวยอร์ก ก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2509-2520 (เวลารวมในการก่อสร้างครบ 7 อาคาร) ออกแบบโดยสถาปนิกลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น" มิโนรุ ยามาซากิ" ร่วมด้วยบริษัท เอเมอร์รี่ รอท แอนด์ซันส์ โดยอาคารแฝดถูกทำลายในเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 และอาคารอื่น ๆ เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้




" มิโนรุ ยามาซากิ" Minoru Yamasaki สถาปนิกผู้ออกแบบตึก เขาได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบ  Gothic เขาออกแบบตึกให้ดูทันสมัย





เริ่มก่อสร้าง ค.ศ. 1966 (อาคาร 1 สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1970 และอาคาร 2 เมื่อ ค.ศ. 1972 เริ่มทำพิธีเปิดอาคารวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1973 แต่ละวันจะมีพนักงานทำงานในอาคารนี้มากกว่า 50,000 คน และนักท่องเที่ยวมากกว่า 200,000 คน เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์มีรหัสไปรษณีย์ของตัวเอง คือ 10048
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เป็นสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์ก และปรากฏตัวในภาพยนตร์จำนวนมาก เช่น เรื่อง The Godfather III, World Trade Center, MIB, United 93, Oliver and Company









เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 1 (อาคารเหนือ) มี 110 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 2 (อาคารใต้) มี 110 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 3 (โรงแรมมาร์ริออทท์) มี 22 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 4 (อาคาพลาซ่าเหนือ) มี 9 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 5 (อาคารพลาซ่าใต้) มี 9 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 6 (U.S. Customs House) มี 8 ชั้น
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 7 มี 47 ชั้น



การถล่มของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์

        เนื่องมาจากแรงปะทะจากเครื่องบิน โบอิง 767 ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 170 ตัน พุ่งเข้าชนตัวตึกแบบเฉือนจุดกึ่งกลางภายในตึกด้วยความเร็ว 570 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นแรงการกระทำต่อตึกสูงขณะอยู่กับที่ (Dynamic Lode) ส่งผลให้ชิ้นส่วนบางส่วนของเครื่องบินหลุดออกจากตัวตึก เช่น เครื่องยนต์ของเครื่องบิน 767 แต่ส่วนใหญ่ชิ่นส่วนของตัวเครื่องจะฝังอยู่ในตัวตึกพร้อมด้วยแรงระเบิดมหาศาลจากเชื้อเพลิงของเครื่องบินที่บรรจุมาพร้อมกับตัวเครื่องอย่างเต็มลำลุกไหม้ นอกจากนี้การชนทำให้เสาหลักและช่องลิฟท์ของตึกเสียหายซึ่งการกระจากน้ำหนักของตึกต้องกระจายน้ำหนักอ้อมส่วนที่เสียหายไป แต่การชนนี้ไม่ทำให้ตัวตึกถล่มลงทันทีเพราะตัวอาคารนั้นได้ถูกออกแบบให้ทนต่อการชนของเครื่องบิน โบอิง 707 นอกจากนั้นโครงสร้างหลักของตึกนั้นเป็นแกนหลักคล้ายท่อเหล็กตรงกลางอาคาร(Steel Framed Tuble) และโครงเหล็กถัก (Truss) จากแกนหลักไปยังผนังตึก เพลิงไหม้ที่ไหม้อยู่ของตึกนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 800C ส่งผลให้โครงเหล็กถักเกิดการงอเนื่องจากน้ำหนักของชั้นและหลุดออกจากสิ่งที่มันยึดอยู่สงผลให้ชั้นแต่ละชั้นถล่มลงมาด้วยน้ำหลักของแต่ละชั้นเอง (Self Weight) เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเองที่ทำให้โครงเหล็กถักงอและถล่มลงมา










เพราะเหตุใดตึกทั้งคู่จึงยุบตัว? คำตอบคือ อัคคี

เครื่องบินโบอิ้ง 767-200ER ทั้งสองลำนั้นมีขนาดปลายปีกจรดปลายปีกประมาณ 47.6 เมตร ยาว 48.5 เมตร จุผู้โดยสารมากที่สุด 255 คน น้ำหนักบรรทุกสูงสุดประมาณ 18,000 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่เติมน้ำมันเต็มถังถึง 90,000 ลิตร เครื่องบินแบบนี้ก็คือ “ระเบิดบิน” อย่างแท้จริง เมื่อมันชนกับตึกด้วยความเร็วกว่า 570 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประกายไฟทำให้น้ำมันลุกติดอย่างรุนแรง เกิดเป็นระเบิดไฟโหมอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดความร้อนได้พุ่งขึ้นสูงถึงอุณหภูมิ 800 oC
        วัสดุทั้งหลายรวมทั้งเหล็กกล้าที่เป็นโครงอาคารจะสูญเสียคุณสมบัติในด้านความแข็งแรงไปอย่างมากเมื่อได้รับความร้อนสูงถึง 2 ใน 3 ของจุดหลอมเหลว(ในกรณีของเหล็กจะมีค่าประมาณ 1,500 oC) แม้ว่าแท่งเหล็กจะฝังตัวอยู่ภายในคอนกรีต(ทั้งในพื้น และแกนหลักตรงกลาง)ก็ตาม ความร้อนก็สามารถทะลุเข้าไปถึงแท่งเหล็กได้ และเมื่อแท่งเหล็กสูญเสียความแข็งแรง แกนหลัก และพื้นจึงไม่อาจรับน้ำหนักอยู่ได้ นอกจากนั้น แท่งเหล็กที่รายล้อมอยู่บนผนังตึกก็เกิดการบิดงอ และเข้าใจว่าเกิดการถ่างออกด้านนอกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ พื้นคอนกรีตที่อาจจะหนักถึง 3,000 ตันก็ตกจากที่ของมันกระแทกลงไปยังพื้นชั้นล่าง
        ถ้าเป็นสภาวะปกติ พื้นแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักจากชั้นบนเพียงชั้นเดียวได้ 100,000 ตัน แต่ต้องเป็นการใส่น้ำหนักลงไปทีละน้อย ส่วนกรณีนี้ พื้นชั้นบนที่ตกลงมาได้ประพฤติตัวคล้ายเครื่องตอกเสาเข็มที่กระทุ้งลงบนพื้นชั้นล่างที่อ่อนแอจากความร้อนจนถล่มตามลงไป หลังจากนั้น พื้นแต่ละชั้นก็ดิ่งลงสู่เบื้องล่างไปเรื่อยๆ จนพังทั้งตึก
        มีข้อสังเกตอยู่บ้างว่า ตึก 2 ที่พังก่อนนั้น(ตึกนี้ถูกชนระหว่างชั้น 82-93) มีลักษณะการพังแบบยุบตัวผสมกับการโค่นคล้ายกับเวลาเราโค่นต้นไม้ แต่ตึก 1 (ถูกชนระหว่างชั้น 95-103) กลับพังแบบยุบตัวอย่างเดียว เรื่องนี้ก็ยังไม่มีเหตุผลมาอธิบายได้
        อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงขณะนี้ด้วยก็คือ กลไกการพังทลายตามที่อธิบายมานี้ เป็นการคาดเดาจากภาพการพังของตึกตามหลักวิชาเท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งข้อสรุปนั้นจะได้มาก็ด้วยการวิเคราะห์อย่างอุตสาหะ สุขุม ไม่ลำเอียง ในทุกแง่มุมรวมทั้งการวิเคราะห์โครงสร้างด้วย
        และตราบใดที่การวิเคราะห์โดยคณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการมอบหมายยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น เราก็ยังคงไม่อาจมั่นใจได้ว่า กลไกการวิบัติของตึกแฝดนี้เป็นกลไกที่ถูกต้องจริง และประชาคมโลกที่เฝ้าหน้าจอทีวีดูวินาทีประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็จะยังคงมีคำถามค้างคาอยู่ในใจมากมาย




ส่งท้าย
เหตุการณ์ในวันนั้นเราผ่านมาแล้วก็จริง การสูญเสียตึกเวลิดร์เทรดเซนเตอร์จะเป็นแค่อนุสรณ์เตือนใจให้มนุษยชาติหรือไม่??? หรือเป็นแค่เหตุการณ์นึงที่บางคนอาจจะไม่ใส่ใจ เพราะในชีวิตเรามันก็สูญเสียกันมาทั้งชีวิต  
ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเอารัดเอาเปรียบกันอยู่ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม เหตุการณ์เยี่ยงในวันนั้นจะไม่มีวันหมดไปแน่นอน..............
จะให้วันวันนั้นเป็นแค่วันวันหนึ่ง....เพียงนั้นหรือ??




เครดิต  www.panyathai.or.th/

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

Nodame_cantabile


เรื่องมันมีอยู่ว่า.......... อ่านโนดาเมะ เล่มที่.21 แล้วเกิดติดใจในกวีนึงที่ สเตรชเชอร์มัน กล่าวเอาไว้...

ภาพปกสวยๆ (ภาพปกจากมังงะฉบับญี่ปุ่นเน้อ)


"หากเจ้าร้องขอข้าจักเกื้อกูล หากเจ้าต้องการมูลผลข้าจักมอบให้.."
"มีข้อแม้ว่าหากล้วนแล้วเป็นจริงไซร์  ในโลกใต้หล้า(นรก)"
"เจ้าต้องเป็นทาสรับใช้ข้า กลับกัน......." (จอมมาร Mephistopheles)




"แล้วข้าก็จะดำดิ่งสู่นิทรา  ให้สัญญาว่าจะสัตยต่อเจ้าในอเวจี......." (Faust)


ใช่แล้วมันคือการทำสัญญากับปิศาจนั่นเอง
สัญญากับปิศาจ (deal with the Devil, pact with the Devil หรือ devil's contract) หรือ การต่อรองแบบเฟาสต์ (Faustian bargainเป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมที่แพร่หลายในภาคตะวันตกของโลก และได้รับการเสริมเติมแต่งเป็นอันมากจากตำนานของเฟาสต์ (legend of Faust) และตำนานเรื่องปิศาจเมเฟิสตอฟะลิส (Mephistopheles) แต่พบมากในนิทานพื้นบ้านที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์
(ป.ล เป็นความชื่อและตำนานโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
ตามความเชื่อดั้งเดิมในแม่มดของชาวคริสต์ สัญญากับปิศาจเป็นสัญญาระหว่างมนุษย์ ซึ่งเรียก "ผู้ขันต่อ" (wagerer) ฝ่ายหนึ่ง กับแซเทิน (Satan) หรือปิศาจอื่น ๆ อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมนุษย์เสนอจะยกวิญญาณของตนให้แก่ปิศาจ เพื่อแลกกับการที่ปิศาจจะกระทำบางสิ่งบางอย่างให้ การตอบแทนของปิศาจนี้ว่ากันว่าแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเชื่อ อาทิ ความเยาว์วัย ความมั่งมี ความรู้ หรืออำนาจวาสนา ยังเชื่อกันด้วยว่า บางคนทำสัญญาเช่นนี้เพียงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะนับถือปิศาจเป็นนาย และไม่ต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนเลย อย่างไรก็ดี การต่อรองเช่นนี้นับเป็นสิ่งอันตรายมากสิ่งหนึ่ง ด้วยว่าค่าตอบแทนแรงงานของปิศาจนั้นคือวิญญาณของผู้ขันต่อเอง เรื่องเล่ามักจบแบบสอนใจว่า นักเสี่ยงโชคผู้บ้าระห่ำพบความวิบัติชั่วกัลปาวสาน หรือในทางตรงกันข้าม อาจจบแบบตลกขบขันว่า ไพร่ที่หลักแหลมเอาชนะปิศาจด้วยอุบายอันแยบยล
Johann Georg Faust



(Johann Georg Faust)  หรือ ดร. เฟาสท์(เกิด c. 1480- ตาย c. 1540) เป็นนักเล่นแปรธาตุพรเนจร โหราจารย์และหมอผีชาวเยอรมัน ในศตวรรษที่ 16 เป็นคนขี้โอ่อวดอ้างว่าสามารถบันดาลสิ่งมหัศจรรย์เพราะมีพญามารเป็นพวก เขาได้รับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Krakow ชีวิตของเขามีเรื่องเล่ามากมายทำให้ยากที่จะหาข้อเท็จจริงในประวัติชีวิตของเขาได้ ตำนานมีอยู่ว่าเขาต้องการมีชีวิตที่มีแต่ความเป็นหนุ่ม ความรู้และอำนาจเลยเรียนเรื่องไสยและวิธีการเรียกปีศาจ โดยสองเพื่อนสนิทของเขา Martin Luther และ Philip Melachton ได้เป็นพยานในพิธีสัญญาผูกพันเฟาสท์และซาตาน
เรื่องของเขายังถูกนำมาเล่าเป็นนิยายในเรื่อง The Tragical History of Doctor Faustus (1604) and Goethe's Faust (1808) ที่เป็นเรื่องราวของชายผู้มีความรู้ท่วมตัว และทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด วันหนึ่งโชคชะตาชักนำให้เขาพบ กับเมมฟิสโต้ (Mephistopheles) ปีศาจ ผู้สงสัยในอำนาจของพระเจ้า และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่หลงเชื่อในภาพลวงตาแห่งสวรรค์ ที่พระเจ้าเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์คับขันที่ต่างฝ่ายต่างมีภารกิจ ที่จะต้องสนองตัณหาของตนเอง เฟาสท์จึงยอมขายวิญญาณให้แก่เมฟิสโต้เพื่อ แลกกับความเป็นหนุ่มอีกครั้งและมีความสัมพันธ์กับมาร์กาเร็ตเต้สาวบริสุทธิ์ และทำให้เธอท้องแต่ว่าเธอก็ต้องถูกประหารเพราะฆ่าลูกของตัวเอง เลยทำให้แผนการของเมมฟิสโต้ ที่จะทำให้เฟาสท์รู้สึกสมประสงค์ก็ต้องผิดพลาดไป จากนั้นเฟาทส์ก็ถูกพาย้อนเวลาไปสมัยโรมัน โดยให้เจอกับทั้งจักรพรรดิโรม และสาวงามอย่างเฮเลน แต่เฟาทส์ก็ไม่รู้สึกพอใจแต่อย่างใดเมมฟิสโต้เลยพาเฟาสท์กลับมาที่เยอรมัน และที่นั้นก็ทำให้เฟาสท์พอใจเขาสิ่งที่เขาต้องการ เมมฟิสโต้ เลยจะเอาวิญญาณของเขาไป แต่ก็ต้องถูกฑูตสวรรค์มาขัดขวาง และนำดวงวิญญาณของเขาไปหาพระแม่มารีย์แทน

credit  : board.palungjit.com
        : h.wikipedia.org/wiki/สัญญากับปิศาจ

AnoHana あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない


AnoHana
あの日見た花の名前を僕達はまだ知らない
(We Still Don't Know the Name of the Flower We Saw That Day)
หรือชื่อเรื่องเต็มๆคือ Ano Hi Mita Hana no Namae wo Boku-Tachi ha mada shiranai 
ที่แปลว่า พวกเรายังคงไม่รู้ชื่อของดอกไม้ที่เราเห็นวันนั้น  
GenreDramaSlice of life storyTragedy


เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อนทั้ง6คน ที่ตั้งกลุ่มกันขึ้นมาในนาม สุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติภาพ  ในวัยเด็กเพื่อนทั้ง 6 คนสนิทกันมาก และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น "เมนม่า" สาวน้อยน่ารักและเป็นที่รักของกลุ่มเพื่อน เสียชีวิตลง การจากไปอย่ากระทันหันของเมนม่า ทำให้เด็กแต่ละคนแยกย้ายกันไปและแต่ละคนก็มีปมอยู่ในใจ...........(เศร้า)


หน้าร้อนอีกหลายปีถัดมา "จินตัน" เด็กหนุ่ม1ในแก๊งค์สุดยอดบัสเตอร์แห่งสันติภาพ ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด  เมนม่า ก็ปรากฎตัวขึ้น ซึ่งจินตันสามารถเห็นและพูดคุยกับเมนม่าได้คนเดียว เพื่อนในกลุ่มไม่สามารถเห็นเมมม่าได้ เมนม่ากลับมาเพราะมีบางอย่างในใจที่เธอต้องการจะทำ(ไม่สามารถไปสู่สุขติได้ ตามความเชื่ออะนะ) เธอได้ขอร้องจินตันให้จินตันช่วยทำความปารถนาของเธอให้เป็นจริง(แต่ตัวเองดันจำไม่ได้ว่าอยากให้ช่วยอะไร)  แต่ทว่า การกลับมาของเมนม่า ทำให้เธอได้รู้ว่าในกลุ่มเพื่อนทั้งหมดได้เปลียนไปเสียแล้ว

เมนม่ารู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเธอเปลี่ยนไป เธอปรารถนาให้ทุกคนกลับมาสนิทกันอีกครั้ง 

จินตันจึงออกตามหาสมาชิกเพื่อให้ทุกคนกลับมาเป็นเหมือนในวัยเด็กและร่วมกันทำความปรารถนาที่ลืมไปแล้วของเมนม่าให้ลุล่วง.......

มาลุ้นกันว่า ความปารถนาของเมนม่าคืออะไร จินตันและเพื่อนๆกลุ่มบัสเตอร์จะช่วยทำคำขอของเมนม่าสำเร็จหรือไม่ และ "พวกเขาจะรู้ชื่อดอกไม้ที่ได้เห็นในวันนั้นไหม"



Ps : Ano Hi Mita Hana no Namae wo Bokutachi wa Mada Shira nai. ED Single เพลงจบเพราะมาก :)
ขอบคุณ wonderoriental.blogspot.com